SHARE

วิธีเลือกกระดาษในงานพิมพ์ ต้องคิดถึงอะไรบ้าง?

กระดาษที่อยู่ในโรงพิมพ์สามารถกลายเป็นสิ่งต่างๆ ได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นหนังสือ, บรรจุภัณฑ์ ,นามบัตร, การ์ดเชิญ, ซองจดหมาย, ปฏิทิน และอีกมากมายที่กระดาษสามารถทำได้

กระดาษทำอะไรได้เยอะขนาดนี้ แล้วมีอะไรอีกบ้าง ที่ต้องนึกถึงก่อนจะเลือกกระดาษสักแผ่นหนึ่งมาใช้ ?

1. ความหนาของกระดาษ

Thickness

ความหนาของกระดาษส่งผลต่อน้ำหนักของงานพิมพ์ ความแข็งแรงและความสามารถในการรับน้ำหนักของงาน ยิ่งหนามาก งานก็จะคงทนแข็งแรง ฉีกขาดยาก แต่น้ำหนักมาก กลับกันกับกระดาษบาง งานก็จะออกมาเบากว่า แต่ไม่คงทน แข็งแรงเท่า และยังส่งผลต่อการดูดซึมของหมึกพิมพ์อีกด้วย คือ กระดาษที่บางเกินไป หมึกพิมพ์จะทะลุมาที่หน้ากระดาษอีกด้านได้

การเลือกความหนากระดาษให้เหมาะสมนั้น สำคัญสำหรับงานประเภทหนังสือ และบรรจุภัณฑ์ เพราะอย่างที่บอกไปว่าความหนากระดาษส่งผลต่อน้ำหนักของงานที่ออกมา

  • หนังสือ นิตยสารที่น้ำหนักมากเกินไป คนก็จะไม่อยากถืออ่าน แต่ถ้ากระดาษบางเกินไป หมึกพิมพ์อาจจะทะลุมาที่กระดาษอีกด้าน ทำให้เห็นตัวอักษรซ้อนกัน สร้างความรำคาญในการอ่านได้
  • บรรจุภัณฑ์ที่หนักเกินไป ทำให้ขนส่งยากและเปลือง ในบางกรณีเราอาจเลือกใช้กระดาษที่บางลงมา แต่มีความหนา ความเหนียว แข็งแรงมากกว่าแทนได้เช่นกัน

ความหนา/บางของกระดาษเป็นส่วนหนึ่งที่จะบอกได้ว่าหมึกพิมพ์จะทะลุมาที่กระดาษอีกหน้าหรือไม่เพราะยังขึ้นอยู่กับการควบคุมปริมาณน้ำหมึก, น้ำหนักในการพิมพ์ของเครื่องพิมพ์ ไปจนถึงปริมาณสีทั้งหมดที่พิมพ์ในพื้นที่นั้นอย่างการพิมพ์สีพื้นหรือพิมพ์รูปภาพจนเต็มหน้ากระดาษอีกด้วยเช่นกัน

 

2. สีและชนิดของกระดาษ

Color Paper

เพราะกระดาษบางชนิดมีสีสันในตัวเอง ทำให้งานพิมพ์ที่พิมพ์ออกมามีสีสันผิดไปจากที่ต้องการได้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับความชอบ และความรู้สึกของงานที่ต้องการอีกเช่นกัน บางคนอาจจะไม่ชอบที่งานสีเพี้ยน แต่บางคนอาจจะคิดว่าสีที่เพี้ยนไปเป็นเสน่ห์อีกแบบของการพิมพ์ลงบนกระดาษ ส่วนชนิดของกระดาษก็จะมีความสัมพันธ์ทั้งกับเรื่องของสีที่พิมพ์ และ ลักษณะงานที่ออกมาอีกด้วย ซึ่งเราสามารถแบ่งออกมาได้ดังนี้

  • หากต้องการสีสันที่สวย ไม่ผิดเพี้ยน เราแนะนำให้เลือกกระดาษสีขาว ที่ผิวสัมผัสเนียน เรียบ โดยเฉพาะกระดาษเคลือบผิวต่างๆ (พวกกระดาษอาร์ต/อาร์ตการ์ด) ถ้าอยากให้สีสด ชัดมากขึ้น อาจเลือกเป็นกระดาษเคลือบผิวมัน (กระดาษอาร์ต/อาร์ตการ์ดมัน) แต่ถ้าต้องการให้งานยังคงดูมีความเป็นธรรมชาตินิดๆ ให้เลือกกระดาษเคลือบผิวด้าน (กระดาษอาร์ต/อาร์ตการ์ดด้าน)
  • หากต้องการให้งานที่พิมพ์ออกมา ยังเห็นเนื้อกระดาษอยู่บ้าง อาจเลือกเป็นกระดาษไม่เคลือบผิว (พวกกระดาษปอนด์ หรือ กระดาษการ์ดขาว)
  • หากต้องการได้งานที่ดูรักษ์โลก มีความเป็นธรรมชาติมากๆ เราก็อาจจะเลือกใช้กระดาษที่มีสีครีม เหลือง ไปจนถึงน้ำตาล (พวกกระดาษคราฟท์ หรือ Green Read)

comparison

ภาพเปรียบเทียบ กระดาษแต่ละชนิดที่แตกต่างกัน

3. ผิวสัมผัสของกระดาษ

Texture

กระดาษบางชนิดผิวก็หยาบ มีความขรุขระ ในขณะที่กระดาษอีกแบบกลับมีผิวเรียบรื่น แถมบางแบบก็สะท้อนแสงแวววาวได้ด้วย ซึ่งลักษณะของผิวกระดาษนี้เอง ที่ส่งผลต่อความสามารถในการติดสีและการกระจายของเม็ดสี กระดาษที่มีผิวหยาบ ขรุขระ เม็ดสีจะติดลงบนผิวกระดาษได้ไม่ดีเท่ากระดาษที่ผิวเรียบเนียน ทำให้อาจเห็นช่องโหว่เล็กๆ ระหว่างสีที่พิมพ์ได้ การเลือกใช้ก็เหมือนกับสีของกระดาษคือแล้วแต่ความชอบของแต่ละคนเช่นกัน

นอกจากผิวสัมผัสตามธรรมชาติของกระดาษเองแล้ว ยังมีผิวสัมผัสอีกประเภทที่เกิดจากกระบวนการหลังพิมพ์ เช่น ปั๊มฟอยล์, ปั๊มนูน, เคลือบผิวมัน / ด้านทั้งชิ้นงาน หรือแค่เฉพาะส่วน และเคลือบสารที่ทำให้นำไปซีลติดพลาสติกได้ เป็นต้น เป็นการเพิ่มความสวยงามและมูลค่าของงานนั้นๆ ได้อีกด้วย

4. ราคากระดาษ

ราคาส่งผลต่อต้นทุนการผลิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการผลิตจำนวนมากๆ อย่างงานหนังสือ และงานบรรจุภัณฑ์ เราจะมาเปรียบเทียบให้ทุกคนเห็นราคากระดาษแต่ละชนิดคร่าวๆ จากกระดาษที่ราคาแพงที่สุดไปจนถึงถูกที่สุด โดยคิดเป็นราคาต่อน้ำหนักเป็นกิโลกรัม

        • กระดาษพิเศษ
        • กระดาษประเภท Food Grade ประเภทเคลือบ PE (สามารถกันน้ำกันน้ำมันซึมได้) ที่เป็น กระดาษอาร์ตการ์ด หรือ กระดาษคราฟท์
        • กระดาษสำหรับแช่แข็ง ที่เป็นกระดาษ อาร์ตการ์ด
        • กระดาษคราฟท์ (ถ้าเคลือบกันซึมก็จะแพงขึ้นอีกนิดหน่อย)
        • กระดาษอาร์ตการ์ด (ทั้งเคลือบหน้าเดียวและ 2 หน้า ราคาพอๆ กัน) / การ์ดขาว
        • กระดาษอาร์ตมัน / ด้าน
        • กระดาษถนอมสายตา (ถ้าเป็นประเภท Green Offset ที่ใช้เยื่อที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมก็จะแพงกว่า Green Read และถนอมสายตาทั่วไป)
        • กระดาษปอนด์
        • กระดาษปรู๊ฟ
        • กระดาษกล่องแป้งหลังเทา / น้ำตาล / ขาว
        • จั่วปัง

เราสามารถลดต้นทุนจากการเลือกใช้กระดาษได้ โดยเลือกใช้กระดาษที่ราคาถูกลงมา เพราะความสวยงาม ด้อยกว่า แต่คุณสมบัติด้านการใช้งานใกล้เคียงกัน เช่น กระดาษอาร์ตการ์ดเคลือบหน้าเดียว แพงกว่ากระดาษกล่องแป้งหลังน้ำตาลที่มีความแกร่ง ความแข็งแรงใกล้เคียงกัน เราอาจจะมาเลือกใช้กล่องแป้งหลังน้ำตาลแทนได้ ถ้าไม่กังวลเรื่องความสวยงามมากนัก เพราะผิวสัมผัสของ กระดาษและการพิมพ์สีลงบนกระดาษอาจจะได้สีไม่สวยเท่าอาร์ตการ์ด อีกทั้งด้านหลังของกระดาษก็เป็นสีน้ำตาล (อาจดูไม่เรียบหรูเท่า แต่ก็ดูรักษ์โลกไปอีกแบบนะ)

หมายเหตุ : เราเปรียบเทียบให้เห็นของราคากระดาษเบื้องต้นเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว กระดาษประเภทต่างๆ ยังมีอีกหลายคุณสมบัติ หลายยี่ห้อให้เลือกใช้ ซึ่งจะทำให้มีราคาแตกต่างกันไป และยิ่งเป็นกระดาษที่มีการเพิ่มคุณสมบัติเข้าไป ก็จะยิ่งมีราคาสูงขึ้น ดังนั้น ก่อนเลือกใช้กระดาษชนิดไหน เราแนะนำให้สอบถามข้อมูลกับเราก่อนอีกที

ส่วนถ้าเพื่อนๆคนไหนสงสัยว่า อะไรคือกระดาษเคลือบผิว ไม่เคลือบผิว? สามารถตามไปอ่านต่อได้ที่บทความ “ในโรงพิมพ์ มีกระดาษอะไรให้เลือกบ้าง

     
                 
     
logo

We use cookies to improve performance. and good experience in using your website You can study the details at Privacy Policy and you can manage your own privacy by clicking Setup

Privacy Preferences

You can choose cookie settings by on/off. Cookies of each type are available on request, except for essential cookies.

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Strictly necessary cookies
    Always Active

    Types of cookies are necessary for the operation of the website. so that you can use it normally and visit the website You cannot disable this cookie on our website.

  • Analystic cookies

    These cookies collect information about your use of the website. for the benefit of measuring results Improve and develop a good experience in using the website. If you do not consent to our use of these cookies. We will not be able to measure the improvement and development of the website.
    Cookies Details

Save