Gradient
SHARE

การกลับมาของเทคนิคสี Gradient

เทรนด์การออกแบบในยุคดิจิตอล กำลังค่อยๆเกิดการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง ในช่วงยุค Millenium เมื่อพูดถึงงานออกแบบที่ดีไซเนอร์ดังหลายๆคนเลือกใช้ พวกเขามักยึดถือปรัชญา Minimalist หรือที่เราเรียกกันว่า ความเรียบง่าย เป็นหัวใจหลักของงานออกแบบ

งานออกแบบของ Dieter Rams ปรมาจารย์ที่ออกแบบเครื่องใช้และอุปกรณ์ต่างๆด้วยรูปแบบและสีที่เรียบง่ายลงตัว กลายมาเป็นต้นแบบให้กับดีไซเนอร์อีกหลายๆคนในรุ่นหลัง ไม่เว้นแม้แต่แบรนด์อย่าง Apple เอง ที่อดีตหัวหน้าทีมออกแบบคนดังอย่าง Jonathan Ive ยังมักกล่าวชื่นชมปรัชญาการออกแบบของ Dieter Rams อยู่บ่อยๆ

Dieter Rams ดีไซเนอร์ชาวเยอรมัน

ผลงานออกแบบต่างๆของ Dieter Rams ใน ยุคเฟื่องฟูของ Minimalist

 

หลังจากผ่านยุคสมัยที่เป็นจุดสูงสุดของปรัชญา Minimalist สิ่งที่คนทั่วๆไปสังเกตุได้คือ การค่อยๆกลับมาของสิ่งตรงข้ามอย่างปรัชญา Maximalist ที่เน้นไปในเรื่องของการออกแบบที่เน้นความฉูดฉาดของงาน รวมไปจนถึงสีสันและลูกเล่นใหม่ๆ แต่นั่นก็ไม่ได้แปลว่า ปรัชญา Minimalist นั้น กำลังจะหายไป เพราะดีไซเนอร์ หลายๆคนก็ยังถือคติในเรื่อง “น้อยแต่มาก” หรือ less is more กันอยู่ดี…….และนั่นเองที่เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้การใช้เทคนิคสี Gradient หรือ เทคนิคการไล่สีสัน เริ่มกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง (หลังจากที่เคยเป็นกระแสอย่างมากในยุค 80-90)

การไล่สีของท้องฟ้าโดยธรรมชาติ ที่มีลักษณะคล้ายเทคนิค Gradient

ตัวอย่างการใช้เทคนิคสี Gradient ในช่วงสีต่างๆ

 

ข้อดีของการใช้เทคนิคสี Gradient ที่ดีไซเนอร์มักใช้เป็นส่วนหนึ่งของงานออกแบบก็คือ เราสามารถเลือกสีสันได้มากมายโดยที่เมื่อใช้ผสมรวมกันแล้ว เรายังรู้สึกได้ถึงความเรียบง่ายอยู่ เพราะการเกิดขึ้นของแต่ละสีในงานออกแบบต่างๆ ไม่ว่าจะอยู่ในรูปของงานพิมพ์ หรือ Packaging นั้น ให้ความรู้สึกของความลื่นไหลในการไล่โทนสี ราวกับสีของท้องฟ้าเมื่อยามพระอาทิตย์ตกดิน (บางคนก็เรียกท้องฟ้าแบบนี้ว่า Vanila Sky) แค่อ่านถึงตรงนี้ เชื่อว่าเพื่อนหลายๆคนก็คงนึกถึงภาพท้องฟ้าอันสวยงามได้ในทันที คิดแบบนี้แล้ว ก็คงไม่แปลกใจเลยว่าทำไม เทรนด์ของการใช้สี Gradient จึงกำลังกลับมาอีกครั้ง

 

RPP Team

     
                 
     
logo